คุณเคยสงสัยไหมว่า…
- ทำไมเว็บไซต์ของคุณยังไม่ติดหน้าแรก ทั้งที่มีคอนเทนต์ดี?
- ทำไมอันดับถึงตก ทั้งที่ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย?
- ทำไมเว็บไซต์ของคู่แข่งแซงหน้าแบบไม่มีสัญญาณเตือน?
คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่คีย์เวิร์ดหรือคอนเทนต์อย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับ “สุขภาพของเว็บไซต์” ที่คุณมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า นี่แหละคือบทบาทของ SEO Audit
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ SEO Audit แบบเจาะลึก พร้อมแนะแนวทางตรวจเช็กเว็บไซต์ให้พร้อมทำอันดับอย่างมั่นคงในปี 2025
SEO Audit คืออะไร?
SEO Audit คือกระบวนการตรวจสอบเว็บไซต์อย่างละเอียด เพื่อหาข้อผิดพลาด ปัญหา หรือสิ่งที่ควรปรับปรุงเกี่ยวกับ SEO ทั้งในด้าน เทคนิค (Technical SEO), โครงสร้างเว็บไซต์, คอนเทนต์, ประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX) และ Backlink
เปรียบเสมือน “การตรวจสุขภาพเว็บไซต์ประจำปี”
หากไม่ตรวจเลย เว็บไซต์อาจดูดีภายนอก แต่ข้างในอาจมีข้อผิดพลาดที่ทำให้ Google ไม่ไว้ใจ
ทำไม SEO Audit จึงสำคัญ?
- ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณถูก Google Index ครบทุกหน้า หรือไม่
- ค้นหาปัญหาที่ซ่อนอยู่ เช่น ลิงก์เสีย (Broken Links), หน้าซ้ำซ้อน, โหลดช้า
- เช็กว่าโครงสร้างเว็บไซต์ รองรับ SEO หรือเปล่า
- ป้องกันการโดนลงโทษจาก Google (เช่น การทำ SEO สายเทาโดยไม่รู้ตัว)
- เตรียมเว็บไซต์ให้ “แข็งแรง” ก่อนลงทุนในคอนเทนต์หรือแคมเปญโฆษณา
องค์ประกอบสำคัญของการทำ SEO Audit
✅ 1. Technical SEO Audit
ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าถึงและอ่านได้โดย Google หรือไม่ เช่น:
- มีไฟล์ robots.txt และ sitemap.xml ที่ถูกต้อง
- หน้าเว็บสามารถ ถูก Index ได้ทุกหน้า
- ไม่มี Error เช่น 404, Redirect Loop, หรือ Server Error (5xx)
- ใช้ HTTPS หรือยังเป็น HTTP อยู่?
- ความเร็วของเว็บไซต์ทั้งบน Desktop และ Mobile
- การรองรับ Mobile-Friendly Design
เครื่องมือแนะนำ:
Google Search Console, Screaming Frog, Ahrefs Site Audit, PageSpeed Insights
✅ 2. On-Page SEO Audit
เน้นตรวจโครงสร้างภายในของแต่ละหน้า เช่น:
- การใช้ Title Tag, Meta Description อย่างเหมาะสม
- มี H1 – H6 และเนื้อหาสอดคล้องกัน
- ใช้ คีย์เวิร์ด อย่างพอดี (ไม่ยัดเยียด)
- รูปภาพมีการใส่ Alt Text
- โครงสร้าง URL เป็นมิตรกับ SEO เช่น
/บริการ-รับทำ-seo
✅ 3. Content Audit
ตรวจสอบว่าเนื้อหาบนเว็บไซต์:
- มีคุณภาพและตอบโจทย์ผู้ใช้จริงหรือไม่
- ซ้ำซ้อนกันหลายหน้า (Duplicate Content) หรือไม่
- มีบทความ “ไร้คุณค่า” ที่ควรถอดออกหรือปรับปรุงไหม
- มีการอัปเดตบทความเก่าบ้างหรือเปล่า?
Google ชอบเนื้อหาที่ สดใหม่และมีประโยชน์จริง มากกว่าบทความยาวแต่ไม่ตรงประเด็น
✅ 4. UX & Core Web Vitals Audit
ประสบการณ์ของผู้ใช้ส่งผลต่ออันดับ SEO โดยตรง ควรตรวจสอบว่า:
- เว็บไซต์โหลดเร็วหรือไม่?
- ใช้งานง่ายบนมือถือหรือไม่?
- ปุ่ม CTA ชัดเจนและใช้งานง่ายหรือเปล่า?
- มีปัญหาเรื่อง Layout Shift (CLS) หรือไม่?
หากคุณเคยตรวจ Core Web Vitals แล้วผ่าน แต่ UX ไม่ดี เช่น หาข้อมูลไม่เจอ – ก็ยังไม่พอสำหรับ SEO ที่ยั่งยืน
✅ 5. Off-Page SEO Audit
- วิเคราะห์คุณภาพของ Backlinks ที่เว็บไซต์ของคุณมี
- ตรวจสอบว่าได้รับลิงก์จากแหล่งที่เกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือหรือไม่
- มีลิงก์จากเว็บสแปม หรือ PBN ที่อาจทำให้โดนลงโทษหรือไม่?
เครื่องมือแนะนำ: Ahrefs, SEMrush, Moz Link Explorer
เมื่อไหร่ควรทำ SEO Audit?
- ทุกครั้งก่อนเริ่มแคมเปญ SEO ใหม่
- ทุกไตรมาส (อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง)
- หลังจากเว็บไซต์มีการปรับเปลี่ยนใหญ่ เช่น เปลี่ยนธีม, โครงสร้าง, CMS
- เมื่ออันดับตกลงกะทันหัน หรือทราฟฟิกลดลงอย่างผิดปกติ
เคสตัวอย่าง: จากอันดับ 40 → ติด Top 5 ภายใน 6 สัปดาห์
“เว็บไซต์ของเราหายจากหน้า Google ไปเกือบหมด ทีม SEO ตรวจพบว่ามีปัญหา redirect ผิดที่, sitemap ไม่สมบูรณ์, และบางหน้าถูกบล็อกจาก robots.txt หลังจากแก้ไขครบทุกจุด และปรับโครงสร้างใหม่ อันดับคีย์เวิร์ดหลักขยับจากหน้า 5 มาติดหน้าแรกได้ภายในเดือนกว่าๆ”
— คุณบอส, เจ้าของเว็บไซต์ขายคอร์สออนไลน์
สรุป: SEO Audit คือพื้นฐานที่คนทำ SEO มืออาชีพไม่ควรมองข้าม
SEO Audit ไม่ใช่เรื่องของเทคนิคอย่างเดียว
แต่คือการวางรากฐานที่มั่นคงให้เว็บไซต์ของคุณ “เป็นที่รักของ Google และผู้ใช้งาน” ไปพร้อมกัน
หากคุณต้องการผลลัพธ์ SEO ที่ยั่งยืน – การทำ SEO Audit อย่างสม่ำเสมอ คือสิ่งที่คุณควรเริ่มตั้งแต่วันนี้
📌 ต้องการให้ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราช่วยตรวจเว็บไซต์แบบละเอียด ฟรี?
คลิก ติดต่อเรา เพื่อรับรายงาน SEO Audit พร้อมคำแนะนำเฉพาะธุรกิจคุณในกรุงเทพฯ

อ้างอิงรูปภาพจาก https://seoagencybangkok.com/about-us/